บริการทำใบขนสินค้าขาเข้าจากจีน

ข้อควรพิจารณาเมื่อต้องการยื่นใบขนขาเข้าเอง:

1. ลงทะเบียนในระบบ e-Customs
   คุณต้องลงทะเบียนในระบบ e-Customs ของกรมศุลกากร เพื่อให้สามารถใช้งานระบบในการยื่นใบขนขาเข้าออนไลน์ได้
2. จัดเตรียมเอกสารที่จำเป็น
   เช่น Invoice, Packing List, Bill of Lading (B/L) และใบอนุญาตนำเข้า (ถ้ามี) ให้ครบถ้วน
3. ความรู้ในระบบศุลกากร
   คุณต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับภาษีนำเข้า, การจัดหมวดหมู่สินค้า (HS Code), และข้อกำหนดทางกฎหมายต่าง ๆ
4. จัดการข้อผิดพลาด
   หากเกิดปัญหา เช่น การกรอกข้อมูลผิดพลาด หรือเอกสารขาด คุณจะต้องดำเนินการแก้ไขเอง ซึ่งอาจใช้เวลามาก

1. สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป: เช่น เสื้อผ้า รองเท้า อาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าที่ขายในชีวิตประจำวัน
2. สินค้าอุตสาหกรรมและเครื่องจักร: เช่น อุปกรณ์เครื่องจักร เครื่องมืออุตสาหกรรม ชิ้นส่วนยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า
3. สินค้าอันตรายหรือสินค้าที่ควบคุมพิเศษ: เช่น สารเคมีอันตราย สินค้าระเบิด สินค้ากัมมันตรังสี ซึ่งต้องมีใบขนเพื่อให้แน่ใจว่าปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัย
4. ผลิตภัณฑ์ยาและเวชภัณฑ์: รวมถึงเครื่องมือทางการแพทย์ที่ต้องได้รับการตรวจสอบและอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนนำเข้าหรือส่งออก
5. สินค้าที่มีลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญา: เช่น สินค้าตราสินค้า เครื่องหมายการค้า หรือสินค้าที่ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์
6. วัตถุดิบและสินค้าเกษตร: เช่น พืชผลทางการเกษตร วัตถุดิบการผลิต และสินค้าที่ต้องมีการตรวจสอบมาตรฐานก่อนนำเข้า
7. สินค้าที่อาจกระทบต่อสิ่งแวดล้อม: เช่น สัตว์น้ำ ไม้แปรรูป วัสดุอันตราย ที่ต้องผ่านการตรวจสอบมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัย
8. สินค้าโบราณหรือของมีค่า: เช่น วัตถุโบราณ อัญมณี เครื่องประดับทอง ซึ่งเป็นสินค้าที่อาจต้องผ่านการตรวจสอบเป็นพิเศษ

***การใช้ใบขนสินค้าช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถควบคุม ตรวจสอบ และเรียกเก็บภาษีได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

• ใบขนขาเข้ามีอายุการใช้งานโดยปกติไม่เกิน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ทำการยื่นคำขอผ่านระบบของกรมศุลกากร หากเกินกำหนดนี้ ใบขนขาเข้าจะหมดอายุและไม่สามารถใช้งานได้ โดยผู้ประกอบการจำเป็นต้องดำเนินการแก้ไขหรือยื่นคำขอใหม่เพื่อให้การนำเข้าสินค้าเป็นไปตามระเบียบที่กำหนด

1. ตรวจสอบรายการเอกสารที่ขาด
   ตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรหรือระบบยื่นใบขนออนไลน์ว่าเอกสารใดที่ยังขาดอยู่ เช่น Invoice, Packing List, หรือใบอนุญาตนำเข้า
2. ติดต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง
   หากเอกสารที่ขาดเป็นของผู้ขายหรือบริษัทส่งออก เช่น Invoice หรือ Bill of Lading ให้รีบติดต่อขอเอกสารเพิ่มเติมโดยด่วน
3. ยื่นขอเอกสารเพิ่มเติม
   หากเอกสารขาดเป็นเอกสารที่ต้องขออนุญาต เช่น ใบอนุญาตนำเข้าหรือใบรับรองมาตรฐาน แนะนำให้ดำเนินการยื่นคำขอในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการค้าต่างประเทศ
4. แจ้งเจ้าหน้าที่ศุลกากร
   ในกรณีที่ต้องใช้เวลาในการจัดเตรียมเอกสาร คุณสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ศุลกากรเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมหรือขอขยายเวลาในการดำเนินการ
5. หลีกเลี่ยงค่าปรับหรือความล่าช้า
   การไม่ส่งเอกสารครบถ้วนภายในเวลาที่กำหนด อาจทำให้เกิดค่าปรับหรือความล่าช้าในกระบวนการนำเข้า แนะนำให้ดำเนินการแก้ไขโดยเร็วที่สุด

• หากคุณไม่มีเวลาหรือไม่เชี่ยวชาญในกระบวนการนี้ การใช้บริการ Shipping Agent จะช่วยลดความยุ่งยากและประหยัดเวลาได้ เพราะตัวแทนเหล่านี้มีความเชี่ยวชาญในการจัดการเรื่องเอกสารและประสานงานกับศุลกากร >>>ติดต่อสอบถามให้เรายื่นทำใบขนให้

• ค่าธรรมเนียมขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้าและมูลค่าสินค้าที่นำเข้า