7 ประเภทตู้คอนเทนเนอร์
ที่ Shipping ทั่วโลกเลือกใช้
ตู้คอนเทนเนอร์คืออะไร? ทำไมจึงมีหลายแบบ..
ตู้คอนเทนเนอร์ คือ กล่องโลหะขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาเพื่อขนส่งสินค้าได้สะดวก ปลอดภัย และประหยัดต้นทุน โดยมาตรฐานสากลจะกำหนดขนาด น้ำหนัก และโครงสร้างให้เหมือนกันทั่วโลก เพื่อให้ยกขึ้นเรือ รถไฟ หรือรถบรรทุกได้ง่าย ที่เห็นมีหลายประเภท เพราะสินค้าที่ขนส่งแตกต่างกัน เช่น ของแห้ง ของเหลว อาหารแช่เย็น หรือเครื่องจักร จึงต้องมีตู้เฉพาะที่เหมาะกับการรักษาคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าแต่ละแบบ แม้จะเข้าสู่ปี 2025 แล้ว แต่ประเภทของตู้สินค้าก็ยังคงนิยมใช้เป็นประเภทเดิมที่ใช้มานานตั้งแต่ในปี 1956 เป็นต้นมา
นอกจากนี้ยังมีการบอกรายละเอียดต่างๆ เช่น การระบุหมายเลขตู้ (Container Number) หรือน้ำหนักของสินค้าบรรจุสูงสุด เป็นต้นนอกจากจะมีลักษณะตามาตรฐานดังกล่าวแล้ว ยังมีขนาดที่หลากหลายและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะสำหรับการบรรจุสินค้าแต่ละประเภทและปริมาณของสินค้าที่จัดส่ง โดยมีทั้งหมด 7 ประเภท
1. ตู้คอนเทนเนอร์มาตรฐาน
(Dry Cargoes / Dry Box)
ใช้บรรจุสินค้าที่มีการบรรจุหีบห่อหรือภาชนะมาแล้ว และเป็นสินค้าทั่วไปที่ไม่จำเป็นต้องรักษาอุณหภูมิ มีการใช้เชือกไนลอน (Lashing) รัดหน้าตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อเป็นการเสริมความแข็งแรงและป้องกันสินค้าเลื่อนหรือขยับระหว่างขนส่ง ใช้เชือกไนลอน มีทั้งขนาด 20,40 ฟุต และ 40,45 ฟุตไฮคิวบ์ โดยมักใช้สำหรับขนส่งสินค้าประเภทอาหารแห้ง ขนมขบเคี้ยว เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า กระเป๋า แผ่นยางพารา เป็นต้น
2. ตู้คอนเทนเนอร์ควบคุมความเย็น
Refrigerator Cargoes/ Reefer
เป็นตู้คอนเทนเนอร์ขนส่งสินค้าที่มีเครื่องทำความเย็นอยู่ภายในและมีที่วัดอุณหภูมิเพื่อแสดงอุณหภูมิของตู้สินค้า เพื่อให้มีอุณหภูมิคงที่และเหมาะแก่การเก็บรักษาสินค้าประเภทนั้นๆ โดยสามารถลดอุณหภูมิได้ถึง -25 องศาเซลเซียสและบางชนิดสามารถปรับได้ถึง -60 องศาเซลเซียส มักใช้ขนส่งสินค้าที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิ เช่น อาหารสด ผลไม้ อาหารแช่แข็ง ยาเวชภัณฑ์ สารเคมีบางชนิด เป็นต้น
ที่มาของภาพ: eagleleasing
Malcom คิดออกแบบวิธีขนสินค้าด้วยตู้คอนเทนเนอร์และยกเลิกการโหลดสินค้าขึ้นเรือแบบเดิมทั้งหมด ต่อมาในเดือนเมษายน ปี 1956 เขาได้ปล่อยเรือคอนเทนเนอร์ลำแรกออกจากท่าเรือ Newark เมือง New Jersey มุ่งสู่เมือง Houston ได้สำเร็จ ซึ่งวิธีการขนส่งด้วยตู้คอนเทนเนอร์ของ Malcom นั้นมีความรวดเร็วกว่าแบบเดิมมากและมีการจัดระเบียบที่ดี ทำให้ลดต้นทุนการขนส่งไปได้มากกว่า 90% จนได้รับขนานนามว่าเป็น ‘บุคคลแห่งศตวรรษ’ อีกทั้งช่วยให้การขนส่งด้วยตู้คอนเทนเนอร์เป็นที่ยอมรับในระดับสากลและมีการพัฒนาให้เป็นระบบมาตรฐานที่ใช้กันทั่วโลก
– ที่มา: Zupports.co | ที่มาของภาพ : Findagrave
บริการนำเข้าสินค้าจากจีนตั้งแต่เริ่มต้น
3. ตู้คอนเทนเนอร์ Open Top
เป็นตู้ที่มีขนาดใหญ่ มีความสูงถึง 40 ฟุต โดยถูกออกแบบมาไม่ให้มีหลังคา เพื่อใช้ในการขนส่งสินค้าที่มีขนาดใหญ่ เช่น เครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม เครื่องโม่หิน อุปกรณ์ก่อสร้าง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ เป็นต้น ซึ่งตู้ประเภทนี้จะไม่สามารถวางเรียงซ้อนกันได้ อาจทำให้มีข้อจำกัดด้านพื้นที่และมีราคาสูงกว่าตู้แบบทั่วไป
4. คอนเทนเนอร์ Flat-Rack
ตู้คอนเทนเนอร์ที่มีพื้นราบ มีขนาดกว้างและยาวตามขนาดของตู้สินค้ามาตรฐาน แต่จะเปิดโล่งทั้งด้านบนและด้านข้าง ถูกออกแบบมาเพื่อใช้บรรจุสินค้าที่มีลักษณะพิเศษและไม่สามารถบรรจุด้วยตู้ขนาดมาตรฐานได้ เช่น เครื่องยนต์อุตสาหกรรม แท่งหิน หัวรถจักร เครื่องจักรประติมากรรม รถแทรกเตอร์ขนาดใหญ่ ท่อชนิดต่างๆ เป็นต้น เหมาะสำหรับสินค้าที่ไม่สามารถใส่ในตู้คอนเทนเนอร์ปิดได้ทั่วไป ต้องมีการยึดหรือผูกมัดให้แน่นหนา เพื่อความปลอดภัยตลอดการขนส่งทางเรือหรือทางบก
5. ตู้คอนเทนเนอร์ Garment Container
โดยภายในตู้จะติดตั้งราวแขวนเสื้อผ้าตลอดแนว ทำให้สามารถขนส่งเสื้อผ้าได้โดยไม่ต้องพับหรือพับให้น้อยที่สุด ซึ่งช่วยลดรอยยับและรักษารูปทรงเสื้อผ้าได้ดี เหมาะอย่างยิ่งกับสินค้าที่มีมูลค่าสูง เช่น ชุดสูท ชุดเดรส เสื้อผ้าแฟชั่น หรือเครื่องแบบที่ผลิตจากผ้าพิเศษ
วิธีขนส่งเด่นของ Garment Container คือการโหลดเสื้อผ้าโดยใช้ไม้แขวนจากโรงงานแล้วนำเข้าไปในตู้โดยตรง ไม่ต้องแพ็คกล่องหรือลัง ทำให้ประหยัดแรงงาน ลดเวลาการรีแพ็ค และพร้อมกระจายสินค้าได้ทันทีเมื่อถึงปลายทาง นิยมใช้มากในธุรกิจส่งออกเสื้อผ้าจากจีน เวียดนาม อินเดีย ไปยังยุโรปและอเมริกา
6. ตู้คอนเทนเนอร์ Ventilated
Ventilated Container คือตู้คอนเทนเนอร์ที่มีระบบระบายอากาศโดยรอบ โครงสร้างเหมือนกับตู้ Dry Container ทั่วไป แต่เพิ่มช่องลมพิเศษเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดี เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องการความแห้ง ไม่ชื้น และไม่อับ เช่น เมล็ดกาแฟ ไม้แปรรูป ใบยาสูบ หรือพืชผลแห้งอื่นๆ
ตู้ชนิดนี้ช่วยลดการสะสมของความชื้นและเชื้อราในระหว่างการขนส่ง โดยเฉพาะเมื่อเดินทางผ่านสภาพแวดล้อมร้อนชื้น การเลือกใช้ Ventilated Container จะช่วยรักษาคุณภาพสินค้าเกษตรได้ดีกว่าตู้ปิดทั่วไป โดยไม่จำเป็นต้องใช้ระบบควบคุมอุณหภูมิให้สิ้นเปลืองต้นทุน
7. ตู้คอนเทนเนอร์
Tank / ISO Tank
ตู้คอนเทนเนอร์ที่มีลักษณะคล้ายถัง สำหรับบรรจุของเหลว โดยมีโครงสำหรับครอบตัวถังขนาดเท่าตู้คอนเทนเนอร์มาตรฐาน มีความจุของถังประมาณ 11,000- 26,000 ลิตร ใช้สำหรับบรรจุสินค้าที่เป็นของเหลว รวมทั้งของเหลวที่เป็นอันตราย เช่น สารเคมี วัตถุไวไฟ อาหารเหลวจำนวนมาก น้ำมัน ฯลฯ
สามารถรักษาความปลอดภัยของสารที่บรรจุอยู่ภายในได้สูง ลดความเสี่ยงการรั่วไหลหรือปนเปื้อนเมื่อเทียบกับการใช้ถังธรรมดา อีกทั้งยังขนส่งได้ทางเรือ รถไฟ หรือรถบรรทุก ทำให้เหมาะกับธุรกิจอุตสาหกรรมที่ต้องการมาตรฐานการจัดการของเหลวระดับสากล
การเลือกตู้เพื่อนำเข้าสินค้าสำคัญอย่างไร?
การเลือกประเภทตู้คอนเทนเนอร์ให้เหมาะสมกับสินค้าคือขั้นตอนสำคัญที่ส่งผลต่อทั้ง ความปลอดภัยของสินค้า, ต้นทุนขนส่ง, และ ความราบรื่นของกระบวนการนำเข้า หากเลือกผิดประเภท เช่น ใช้ตู้ Dry Container กับสินค้าที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ อาจทำให้สินค้าเสียหายระหว่างทาง ขณะที่สินค้าที่มีขนาดใหญ่พิเศษแต่ใช้ตู้มาตรฐาน ก็อาจทำให้โหลดไม่เข้า หรือโดนปฏิเสธจากสายเรือ
นอกจากนี้ บางสินค้าจำเป็นต้องใช้ตู้ที่มี “ใบรับรองพิเศษ” เช่น Tank Container สำหรับสารเคมี หรือ Reefer ที่มีระบบตรวจสอบอุณหภูมิ ซึ่งส่งผลต่อการผ่านด่านศุลกากรด้วยเช่นกัน ดังนั้น การวางแผนเลือกตู้ให้เหมาะกับลักษณะสินค้า น้ำหนัก และจุดหมายปลายทาง จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการนำเข้าที่ปลอดภัยและคุ้มค่าที่สุดสำหรับการขนส่งสินค้าในทุกๆ ประเภท
Credit Video : @CtwCargoOfficial
• สรุป
เราได้รวบรวมทั้ง 7 ประเภทตู้คอนเทนเนอร์ ที่ชิปปิ้งทั่วโลกเลือกใช้ แต่ละประเภทจะมีขนาดที่หลากหลายและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะสำหรับการบรรจุสินค้าแต่ละประเภทและปริมาณของสินค้าที่จัดส่ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละชิปปิ้งจะเลือกใช้ตู้คอนเทนเนอร์ประเภทไหน
หากคุณกำลังมองหาชิปปิ้งและตัวแทนการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ สามารถขอข้อมูลการจองตู้คอนเทนเนอร์แบบต่างๆ พร้อมบริการจัดการเอกสารครบวงจร พร้อมจัดการขั้นตอนการขนส่งให้คุณทุกขั้นตอน พวกเรา JAWANDA CARGO ยินดีให้บริการการขนส่งในทั่วทุกมุมโลก หากคุณสนใจ นำเข้าสินค้าจากจีน หรือนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ให้เราดูแลด้าน LOGISTICS Service ให้คุณ ติดต่อเราได้ » ที่นี่ «
