ในอุตสาหกรรมขนส่งและการค้า น้ำหนักของสินค้า เป็นตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อ ค่าขนส่ง ภาษี ศุลกากร การบรรจุภัณฑ์ และกระบวนการโลจิสติกส์ ซึ่งโดยทั่วไปสามารถแบ่งออกเป็น Gross Weight (น้ำหนักรวม) และ Net Weight (น้ำหนักสุทธิ)
Gross Weight VS Net Weight มีบทบาทที่แตกต่างกันและส่งผลต่อการดำเนินงานในหลากหลายด้าน เช่น การคำนวณค่าขนส่ง การกำหนดราคาสินค้า และข้อจำกัดด้านน้ำหนักของพาหนะขนส่ง ดังนั้น ความเข้าใจเกี่ยวกับน้ำหนักทั้งสองประเภทนี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการต้นทุนการ นำเข้าสินค้าจากจีน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในการขนส่งสินค้า
Net Weight คือ น้ำหนักสุทธิของสินค้า ไม่รวมบรรจุภัณฑ์ เช่น กล่อง หีบห่อ หรือพาเลท ส่วน Gross Weight คือ น้ำหนักรวมทั้งหมดของสินค้า พร้อมบรรจุภัณฑ์ ที่ใช้ในการขนส่ง
สองค่านี้มีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในงาน นำเข้า-ส่งออก เพราะ Gross Weight จะใช้คำนวณค่าขนส่งและภาษี ขณะที่ Net Weight จะระบุในเอกสารสินค้าหรือบิลขาย หากเข้าใจผิด อาจทำให้ประเมินต้นทุนผิดและมีค่าใช้จ่ายบานปลายได้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการขนส่งแบบปิดตู้ที่สินค้า ที่ต้องอ้างอิงจากใบรายการ (Packing List) เป็นหลัก
– สรุปภาพรวมของความแตกต่าง
🔹 Gross Weight (น้ำหนักรวม)
- เป็นน้ำหนักรวมของสินค้า รวมบรรจุภัณฑ์ทุกอย่าง เช่น กล่อง ลังไม้ หรือพาเลท
- ใช้คำนวณ ค่าขนส่ง และข้อจำกัดด้านน้ำหนักของยานพาหนะซึ่งมีผลต่อราคาการขนส่ง 100%
🔹 Net Weight (น้ำหนักสุทธิ)
- คือน้ำหนักของ ตัวสินค้าทั้งหมดเพียงอย่างเดียว ไม่รวมบรรจุภัณฑ์
- ใช้สำหรับ การกำหนดราคาสินค้า คำนวณภาษีศุลกากร และมาตรฐานผลิตภัณฑ์ รวมถึงน้ำหนักสุทธิเฉพาะตัวสินค้าก่อนส่งออกมาจากโรงงาน
Tare Weight คือ น้ำหนักของบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ห่อหุ้มหรือบรรจุสินค้า เช่น กล่องลัง, พาเลทไม้, กล่องเหล็ก หรือบรรจุภัณฑ์ชนิดพิเศษที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของตัวสินค้าจริง
การรู้ Tare Weight สำคัญมากในขั้นตอนนำเข้าสินค้าทุกชนิด เพราะช่วยให้คุณสามารถแยกน้ำหนัก Gross Weight (รวม) และ Net Weight (สุทธิ) ออกจากกันได้อย่างชัดเจน และยังทำให้คุณสามารถแยกค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากค่าสินค้าได้อย่างถูกต้องมากขึ้น
สูตรที่นิยมใช้ในการหา Tare weight คือ [ Gross weight – Tare weight = Net weight ]
ความสำคัญของน้ำหนักสินค้าที่ส่งผลต่อต้นทุนการนำเข้า
Gross Weight (น้ำหนักรวม) และ Net Weight (น้ำหนักสุทธิ) เป็นปัจจัยสำคัญในอุตสาหกรรม ขนส่งและการค้า เนื่องจากมีผลกระทบต่อหลายด้านของกระบวนการทางธุรกิจ ตั้งแต่ การคำนวณค่าขนส่ง ไปจนถึง การคำนวณภาษีและค่าธรรมเนียม ต่อไปนี้คือเหตุผลที่ทำให้ทั้งสองประเภทน้ำหนักเป็นปัจจัยที่สำคัญ:
-
การคำนวณค่าขนส่ง
- Gross Weight ใช้ในการคำนวณ ค่าขนส่ง โดยเฉพาะในกรณีที่มีการขนส่งทางอากาศหรือทางทะเล ซึ่ง น้ำหนักรวม จะส่งผลโดยตรงต่อ ค่าขนส่ง เพราะมีการคำนวณจากน้ำหนักของสินค้าและบรรจุภัณฑ์ทั้งหมด
- Net Weight ใช้ในการคำนวณต้นทุนของสินค้าเอง และเป็นพื้นฐานสำหรับการคำนวณภาษีในบางกรณี
-
ข้อจำกัดด้านน้ำหนักของยานพาหนะ
- ยานพาหนะในการขนส่ง เช่น เครื่องบิน, เรือ, และรถบรรทุก มักจะมี ข้อจำกัดน้ำหนักสูงสุด ที่สามารถขนส่งได้ ซึ่ง Gross Weight จะถูกนำมาคำนวณเพื่อให้แน่ใจว่าการขนส่งไม่เกินขีดจำกัดที่กำหนด
- Net Weight ไม่เกี่ยวข้องกับข้อจำกัดนี้ แต่สำคัญในส่วนของการกำหนดราคาสินค้าจริง
-
การกำหนดราคาสินค้าและภาษีศุลกากร
- Net Weight เป็นตัวเลขที่ใช้ในการคำนวณ ภาษีศุลกากร สำหรับสินค้าในบางประเทศ โดยจะคำนวณตามน้ำหนักของตัวสินค้าจริงๆ ที่จะเสียภาษี
- สำหรับ สินค้าหรูหรา หรือสินค้าต้องห้าม การมีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับน้ำหนักสุทธิช่วยให้การคำนวณภาษีและการประเมินค่าภาษีทำได้ถูกต้อง
-
ความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการขนส่ง
- Gross Weight ช่วยในการกำหนดการจัดการสินค้าบนยานพาหนะ เช่น การจัดเรียงสินค้าให้สมดุลเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุหรือการเสียหายของสินค้า
- หากสินค้ามี Gross Weight เกินขีดจำกัดของยานพาหนะ การขนส่งอาจถูกยกเลิกหรือมีการปรับเปลี่ยนแผนการขนส่ง
-
การจัดการโลจิสติกส์และการบรรจุภัณฑ์
- การ คำนวณน้ำหนักรวม จะช่วยในการเลือก บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม ซึ่งสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่ง
- การเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม จะช่วยลด Gross Weight และลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งและพื้นที่ในการจัดเก็บ
-
การติดตามและการคำนวณต้นทุนการผลิต
- Net Weight เป็นปัจจัยหลักในการ คำนวณต้นทุนของสินค้า เนื่องจากเป็นน้ำหนักของสินค้าที่ไม่มีบรรจุภัณฑ์และวัสดุอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้การประเมินราคาสินค้าทำได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
- Gross Weight จะถูกใช้ในการ คำนวณต้นทุนการขนส่ง ซึ่งจะช่วยในการประเมินต้นทุนรวมทั้งหมดของสินค้า
เกร็ดความรู้เรื่องนำหนักสินค้า ก่อนการเปิดธุรกิจผู้ประกอบการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ
Credit : AriyayaPreorder
น้ำหนักผิด ข้อมูลไม่ชัด = ขนส่งล่าช้าเสียเงินเกินจำเป็น
หลายคนมองข้ามการรู้ “น้ำหนักและขนาดจริง” ของสินค้าในขั้นตอนนำเข้า โดยเฉพาะสินค้าที่ไม่ได้ซื้อผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Alibaba หรือ 1688 โดยตรงจากโรงงาน หากไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน อาจส่งผลกระทบต่อขั้นตอน โลจิสติกส์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะส่งผลต่อต้นทุนสินค้าของแต่ละคน
⚠️ คำนวณค่าขนส่งผิดพลาด !
⏩ ทำให้อาจเสียค่าใช้จ่ายขนส่งเพิ่มจำนวนมากได้
⚠️ อาจเกิดปัญหากับด่านศุลกากรฯ หากแสดงเอกสารเท็จ !
⏩ หากใบขนไม่ตรงกับสินค้าภายในตู้คอนเทนเนอร์ อาจเสียเวลาเคลียร์เอกสารเบื้องต้น และจัดการกับปัญหาระยะยาวได้
⚠️ ไม่สามารถจองพื้นที่ตู้หรือตั๋วเครื่องได้ !
⏩ เนื่องจากในการทำการสั่งจองตู้เรือ – อากาศ จำเป็นที่จะต้องมีเอกสาร Packing list ที่บ่งบอกถึงน้ำหนักทั้งหมดของสินค้าที่ต้องการจะขนส่งขึ้นตู้
⚠️ ต้นทุนรวมของสินค้าคลาดเลื่อน !
⏩ อาจส่งผลให้กำไรมีความผิดเพี้ยนไปเล็กน้อยได้ ส่งอาจส่งผลให้บัญชีของบริษัทมีปัญหาภายในได้
• Net weight มักใช้ในใบกำกับสินค้า (Invoice), Packing List และใบขนศุลกากร เพื่อคำนวณภาษีอากรขาเข้า-ขาออก
• Gross weight ใช้ในการจองเรือ, คิดค่าขนส่ง, และใช้ในใบขนฯ สำหรับระบุน้ำหนักรวมสินค้าและบรรจุภัณฑ์
อาจทำให้เกิดการคำนวณค่าขนส่งผิด, การโหลดสินค้าไม่สมดุลในตู้คอนเทนเนอร์ ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนจำนวนกะทันหันกับผู้ผลิต, ใบขนไม่ตรงและอาจถูกเรียกตรวจซ้ำที่ด่านศุลกากร เสียเวลาและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
สามารถขอข้อมูลจากซัพพลายเออร์หรือโรงงานโดยตรงได้เลย ทางผู้ผลิตหรือโรงงานมักมีขนาดและน้ำหนักเฉลี่ยต่อกล่อง ที่คำนวณเอาไว้เบื้องต้นสำหรับประกอบเอกสารอ้างอิงการผลิต (หรือใช้ข้อมูลจาก Packing List รุ่นก่อนหน้ามาประมาณการเบื้องต้นก็ได้เช่นกัน หากเป็นการเหมาตู้สินค้าขนาดเดียวกันแบบเต็มทั้งตู้)
บริษัทขนส่งเกือบจะทั้งหมด จะคำนวณค่าขนส่งจากค่า “จริง” และค่า “ปริมาตรสุทธิ” ของน้ำหนักและขนาดสินค้าแบบรวมแพ็คเก็จบรรจุเรียบร้อยแล้ว และเลือกค่าที่สูงกว่ามายึดเป็นราคาขนส่งเพื่อใช้อ้างอิงในการออกบิล
• สรุป
เรียกได้ว่า Gross Weight และ Net Weight เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการขนส่งสินค้า การกำหนดราคา และภาษีศุลกากร หากคำนวณผิดพลาด อาจทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นหรือเกิดปัญหาทางกฎหมาย การเข้าใจความแตกต่างระหว่างทั้งสองประเภทน้ำหนักจะช่วยให้ธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังทำให้ธุรกิจของคุณไม่สะดุดในเรื่องของกำไรจากการขนส่งอีกด้วย
หากคุณกำลังมองหาคาร์โก้เพื่อนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ พวกเรา JAWANDA CARGO ยินดีให้บริการในการนำเข้าสินค้าอย่างถูกต้องตามกฏหมาย และยังเป็นผู้ให้คำแนะนำปรึกษาเกี่ยวกับการนำเข้าอย่างมืออาชีพ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ หากคุณสนใจบริการของเรา สามารถกดที่ Banner ด้านล่างได้เลย

