การขนส่งทางเรือไร้คนขับ นวัตกรรมใหม่ในระบบโลจิสติกส์
การขนส่งทางเรือถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบโลจิสติกส์โลก เนื่องจากกว่า 80% ของการค้าระหว่างประเทศพึ่งพาการขนส่งสินค้าทางทะเล แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมนี้ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาขาดแคลนแรงงานเดินเรือ ต้นทุนการดำเนินงานที่สูง และความเสี่ยงด้านความปลอดภัย นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนานวัตกรรมใหม่ที่เรียกว่า “ขนส่งทางเรือไร้คนขับ” ซึ่งกำลังกลายเป็นเทคโนโลยีพลิกโฉมโลกโลจิสติกส์ ในบทความนี้เราจะกล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของช่องทางการขนส่งทางเรือ
• สารบัญ
การขนส่งทางเรือแบบไร้คนขับคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ขั้นตอนที่บริษัทใหญ่ใช้ในการขนส่งสินค้าทางเรือแบบอัตโนมัติ
5 บริษัทที่มีระบบขนส่งแบบไร้คนขับ
แนวโน้มในอนาคตของการขนส่งแบบไร้คนขับ
บทสรุป
ขนส่งทางเรือไร้คนขับคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ขนส่งทางเรือไร้คนขับ (Unmanned Cargo Ship หรือ Autonomous Ship) หมายถึงเรือบรรทุกสินค้าที่สามารถควบคุมและปฏิบัติการได้โดยไม่ต้องมีลูกเรือประจำการบนเรือ แต่ใช้ระบบอัตโนมัติร่วมกับเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูง แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากความต้องการพัฒนาการขนส่งทางทะเลให้ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และต้นทุนระยะยาวต่ำลง ท่ามกลางปัญหาสำคัญที่อุตสาหกรรมโลจิสติกส์กำลังเผชิญ เช่น การขาดแคลนแรงงานเดินเรือ ค่าใช้จ่ายสูง และความเสี่ยงด้านอุบัติเหตุ
ระบบขนส่งไร้คนขับเกิดขึ้นได้ยังไง?
การพัฒนาเรือไร้คนขับเกิดจากแรงกดดันหลายด้านที่อุตสาหกรรมเดินเรือกำลังเผชิญอยู่ ปัญหาขาดแคลนแรงงานเดินเรือทั่วโลกทำให้บริษัทขนส่งจำเป็นต้องหาทางออกใหม่ ขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงและการดำเนินงานก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ เทคโนโลยีดิจิทัลจึงถูกนำมาใช้เพื่อแก้โจทย์เหล่านี้
โดย AI เข้ามาช่วยลดความผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์ (Human Error) และเพิ่มความปลอดภัย ขณะที่ระบบ IoT และเซนเซอร์ช่วยตรวจสอบเรือได้ละเอียดและแม่นยำยิ่งกว่าเดิม อีกทั้งยังตอบสนองต่อแนวคิด Green Logistics ที่ต้องการลดมลพิษและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งแนวคิดดังกล่าวจะทำให้ในอนาคตภายภาคหน้า มนุษย์จะลดบทบาทในการดูแลการขนส่งได้มากยิ่งขึ้น และสร้างสายงานใหม่ๆ ในการควบคุมการขนส่งระยะไกลที่ทันสมัยมากกว่ายุคปัจจุบัน
หลักการทำงานของเรือไร้คนขับประกอบด้วยอะไรบ้าง?
-
AI และ Machine Learning: ใช้สำหรับการวิเคราะห์เส้นทางการเดินเรือ คาดการณ์สภาพอากาศ และตัดสินใจเปลี่ยนทิศทางเมื่อพบความเสี่ยงจากธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด ทำให้ลดมูลค่าหรือหลีกเลี่ยงความเสียหายได้ดีขึ้น
-
IoT และเซนเซอร์อัจฉริยะ: ตรวจสอบสิ่งกีดขวาง สภาพอากาศ และสถานะเรือแบบเรียลไทม์ผ่านระบบ GPS ที่ระบุพิกัดด้วยสัญญาณอินเทอร์เน็ต
-
การควบคุมจากศูนย์กลางบนฝั่ง: แม้จะไร้คนขับ แต่สามารถสั่งงานและควบคุมแบบ Manual ได้หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือความผิดพลาดในระบบเดินเรือ เพื่อที่จะหยุดการขนส่งชั่วคราวและส่งคนเข้าไปแก้ไข
-
ระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ: เช่นเดียวกันกับเครื่องบินที่รู้กันเป็นอย่างดีว่าสามารถควบคุมการขับเคลื่อนได้ด้วยระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ซึ่งการนำระบบดังกล่าวมาดัดแปลงในการใช้งานด้านการขนส่งสินค้าที่ปลอดภัยจนถึงที่หมายที่ระบุไว้
ขั้นตอนที่บริษัทใหญ่ใช้ในการขนส่งสินค้าผ่านเรืออัตโนมัติ
การใช้ ขนส่งทางเรือไร้คนขับ ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิด แต่หลายบริษัทขนาดใหญ่ เช่น Yara International (นอร์เวย์), Nippon Yusen (ญี่ปุ่น) และบริษัทขนส่งจีนบางแห่ง ได้เริ่มทดลองและนำเทคโนโลยีนี้มาใช้จริง โดยมีขั้นตอนหลักที่ต้องดำเนินการเพื่อให้ระบบเดินเรืออัตโนมัติทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
ขั้นตอนสำคัญในการปฏิบัติการเรือไร้คนขับ
-
1. วางแผนเส้นทาง (Route Planning):
ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจากดาวเทียมและสภาพอากาศล่วงหน้า เพื่อเลือกเส้นทางที่สั้น ปลอดภัย และประหยัดเชื้อเพลิงมากที่สุด -
2. โหลดและจัดการสินค้า (Cargo Handling):
ใช้ระบบอัตโนมัติร่วมกับหุ่นยนต์ท่าเรือ (Smart Port) เพื่อโหลดตู้คอนเทนเนอร์ขึ้นเรือและตรวจสอบน้ำหนักให้สมดุลกับโครงสร้างเรือ -
3. คำสั่งเดินเรือแบบอัตโนมัติ (Autonomous Navigation):
เรือไร้คนขับควบคุมตนเองด้วย Radar, Lidar, และระบบเซนเซอร์ เพื่อตรวจจับเรือใกล้เคียงและสิ่งกีดขวาง พร้อมปรับความเร็วหรือเปลี่ยนเส้นทางทันทีเมื่อพบความเสี่ยง -
4. ตรวจสอบและบำรุงรักษาพาหนะ (Monitoring & Maintenance):
ติดตั้ง IoT sensor บนเรือเพื่อตรวจสอบเครื่องยนต์ ระดับเชื้อเพลิง และสภาพอุปกรณ์ โดยส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ไปยังศูนย์ควบคุมบนฝั่ง -
5. การควบคุมจากระยะไกล (Remote Supervision):
แม้จะไร้คนขับ แต่บริษัทขนาดใหญ่จะมีศูนย์สั่งการบนฝั่ง คอยควบคุมเรือหลายลำพร้อมกัน และสามารถเข้ามาแทรกแซงได้หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน -
6. นำเรือเข้าท่าขนส่งสินค้า (Automated Docking):
ใช้ระบบอัตโนมัติและ Smart Port Technology ในการนำเรือเข้าจอดและขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์โดยไม่ต้องพึ่งพาลูกเรือจำนวนมาก
5 บริษัท ที่มีระบบขนส่งแบบไร้คนขับในปี 2025
แม้ว่าเทคโนโลยีขนส่งทางเรือผ่านการควบคุมของระบบอัตโนมัติ จะยังอยู่ในช่วงพัฒนา แต่ในปี 2025 หลายบริษัทชั้นนำทั่วโลกได้ลงทุนและทดสอบระบบนี้จริง โดยมีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มความปลอดภัยในการขนส่งระหว่างประเทศ
-
1. Yara International (นอร์เวย์):
Yara เป็นบริษัทเคมีเกษตรชั้นนำที่หันมาพัฒนาโครงการ Yara Birkeland เรือไฟฟ้าไร้คนขับลำแรกของโลก เปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 และเริ่มทดสอบในปี 2020 จุดประสงค์เพื่อขนส่งปุ๋ยจากโรงงานในเมือง Porsgrunn ไปยังท่าเรือใกล้เคียง โดยไม่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เรือดังกล่าวขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% และใช้ระบบ AI ร่วมกับเซนเซอร์เพื่อตรวจสอบเส้นทาง ถือเป็นต้นแบบที่ถูกจับตามากที่สุดในโลก -
2. Nippon Yusen Kaisha – NYK Line (ญี่ปุ่น):
NYK Line บริษัทเดินเรือที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เริ่มทดสอบเรือไร้คนขับตั้งแต่ปี 2018 โดยในปี 2021 ได้ทดลองเดินเรือ Autonomous Container Ship ข้ามมหาสมุทรจากท่าเรือ Yokohama ไปยังท่าเรือ Nagoya ซึ่งควบคุมผ่านศูนย์สั่งการบนฝั่ง การทดลองประสบความสำเร็จและเป็นก้าวสำคัญของญี่ปุ่นในการผลักดันเรืออัจฉริยะเข้าสู่การใช้งานเชิงพาณิชย์ -
3. Mitsui O.S.K. Lines (MOL):
MOL ร่วมมือกับ Japan’s Smart Ship Demonstration Project เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการเดินเรืออัตโนมัติ บริษัทได้ทดสอบระบบนำร่องและเลี่ยงการชนด้วย AI บนเรือสินค้าหลายลำ ตั้งแต่ปี 2019 จุดมุ่งหมายคือการลด Human Error ซึ่งเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุทางทะเลกว่า 70% และมุ่งสร้างมาตรฐานใหม่ของการเดินเรือญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 21 -
4. China State Shipbuilding Corporation (CSSC):
CSSC คือรัฐวิสาหกิจด้านอู่ต่อเรือที่ใหญ่ที่สุดในจีน ได้พัฒนา เรือไร้คนขับขนาดใหญ่ ภายใต้ชื่อ Zhuhai Yunzhou โดยเริ่มทดสอบในทะเลจีนใต้ตั้งแต่ปี 2019 จุดมุ่งหมายคือการใช้ระบบนี้สนับสนุนโครงการ Belt and Road Initiative ของจีน และลดการพึ่งพาแรงงานคนในการขนส่งระหว่างประเทศ ปัจจุบัน CSSC ได้ขยายการทดสอบไปยังเรือ Container ขนาดใหญ่เพื่อใช้จริงในเชิงพาณิชย์ -
5. Rolls-Royce Marine (อังกฤษ–ฟินแลนด์):
Rolls-Royce Marine เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกแนวคิดเรือไร้คนขับมาตั้งแต่ปี 2010 โดยได้ร่วมมือกับบริษัท Finnish ferry operator ในการทดลองระบบ Autonomous Ferry ในปี 2018 ที่ฟินแลนด์ การทดลองประสบความสำเร็จในการนำเรือเข้าเทียบท่าโดยไม่ต้องมีคนขับ ปัจจุบัน Rolls-Royce Marine กำลังพัฒนาเรือ Autonomous Ship เชิงพาณิชย์สำหรับยุโรป โดยผสานระบบควบคุมระยะไกลและ AI เข้ากับ Big Data เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
แนวโน้มในอนาคตของการขนส่งแบบไร้คนขับ
อนาคตของการขนส่งทางเรือ กำลังถูกจับตามองในฐานะเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างโลจิสติกส์โลกอย่างสิ้นเชิง ปัจจุบันการทดสอบยังอยู่ในวงจำกัด แต่หลายบริษัทและรัฐบาลได้ลงทุนอย่างจริงจังเพื่อผลักดันให้เกิดการใช้งานเชิงพาณิชย์ในวงกว้าง
แนวโน้มสำคัญที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
-
การบูรณาการกับ Smart Port:
ท่าเรืออัจฉริยะ (Smart Port) จะกลายเป็นศูนย์กลางที่ทำงานร่วมกับเรือไร้คนขับ ตั้งแต่การโหลดสินค้า การจัดการตู้คอนเทนเนอร์ ไปจนถึงการใช้หุ่นยนต์และระบบ IoT เชื่อมต่อแบบเรียลไทม์ -
สนับสนุน Green Logistics:
เรือไร้คนขับส่วนใหญ่พัฒนาโดยใช้พลังงานไฟฟ้าหรือไฮบริด เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตอบโจทย์กฎระเบียบสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้นทั่วโลก -
การออกกฎหมายรองรับ:
หลายประเทศ เช่น นอร์เวย์ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป กำลังร่างกฎระเบียบใหม่เพื่อกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยและความรับผิดชอบในการเดินเรืออัตโนมัติ ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญต่อการใช้งานจริง -
AI และ Big Data เชิงทำนาย (Predictive Analytics):
เรือไร้คนขับในอนาคตจะไม่เพียงควบคุมตนเอง แต่ยังสามารถคาดการณ์สภาพอากาศ ความหนาแน่นของเส้นทาง และปรับเส้นทางล่วงหน้าเพื่อประหยัดเวลาและพลังงาน -
การขยายสู่การขนส่งเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบ:
ในอีก 5–10 ปีข้างหน้า เราอาจเห็นสายการเดินเรือระดับโลกนำเรือไร้คนขับมาใช้ในการขนส่งสินค้าระหว่างทวีป เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานและต้นทุนที่สูงขึ้น
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
บทสรุป
การพัฒนาขึ้นของการขนส่งทางเรือไร้คนขับ ถือเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่พลิกโฉมวงการโลจิสติกส์โลกอย่างแท้จริง จากเดิมที่การเดินเรือต้องอาศัยแรงงานคนจำนวนมาก ปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทแทนที่ผ่าน AI, IoT, และระบบอัตโนมัติที่สามารถควบคุมเรือได้ด้วยตนเอง จุดเริ่มต้นของนวัตกรรมนี้เกิดจากแรงกดดันทั้งด้านต้นทุน การขาดแคลนแรงงาน และความต้องการยกระดับความปลอดภัย จนทำให้บริษัทชั้นนำทั่วโลก เช่น Yara, NYK Line, MOL, CSSC และ Rolls-Royce Marine ลงทุนพัฒนาและทดลองใช้งานจริง
แม้ในปัจจุบันยังมีข้อจำกัดหลายด้าน เช่น ความน่าเชื่อถือของระบบ AI ในสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน ความเสี่ยงด้านไซเบอร์ และกรอบกฎหมายที่ยังไม่รองรับเต็มรูปแบบ แต่แนวโน้มอนาคตกลับชี้ชัดว่าเรือไร้คนขับจะถูกบูรณาการเข้ากับ Smart Port สนับสนุน Green Logistics และขยายสู่การใช้งานเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบในอนาคตอันใกล้
เพราะฉะนั้นการขนส่งสินค้าจึงมีจุดเริ่มต้นที่ “ความปลอดภัย” เป็นบรรทัดฐานแรกในการสร้างเสริมความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการทั่วโลก พวกเราบริษัท JAWANDA CARGO จำกัด ยินดีเป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจรในทุกๆ แบบ ทั้งการนำเข้าแบบ FCL/LCL หรือการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนพร้อมจัดทำเอกสารการดำเนินงานให้ครบถ้วนทุกขั้นตอน
หากคุณกำลังมองหาผู้ช่วยส่วนตัวในการขนส่งสินค้าทางเรืออย่างมืออาชีพ
สามารถคลิกที่แบนเนอร์ด้านล่างเพื่อรับข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับคุณได้ทันที


