
ในปัจจุบันเรียกกันว่าDrop Shipping เป็นโมเดลธุรกิจที่ให้คุณขายของออนไลน์โดยไม่ต้องสต็อกสินค้าเอง ซัพพลายเออร์เป็นผู้จัดส่งสินค้าให้ลูกค้าโดยตรง ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้นธุรกิจด้วยต้นทุนต่ำ แต่ธุรกิจนี้ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ก่อนที่คุณจะตัดสินใจลองทำ Drop Shipping มาดูกันว่าธุรกิจนี้เหมาะกับคุณหรือไม่
-
เลือกตลาดและสินค้าที่ต้องการขาย
- วิเคราะห์ ความต้องการของตลาด และเลือกสินค้าที่มีโอกาสขายดี เช่น เสื้อไหมพรม อุปกรณ์กันหนาว ของใช้ในบ้าน
- ควรเลือกสินค้าที่มี คู่แข่งน้อย กำไรดี และต้นทุนการขนส่งไม่สูง
-
ค้นหาซัพพลายเออร์และเชื่อมต่อระบบ
- แหล่งหาซัพพลายเออร์ที่นิยม:
- ใช้แพลตฟอร์มที่รองรับการทำ Drop Shipping เช่น
- Shopify + Oberlo / CJ Dropshipping
- WooCommerce + AliDropship
- Shopee/Lazada ที่รองรับ Dropshipping
-
สร้างหน้าร้านออนไลน์
- เว็บไซต์ของตัวเอง (Shopify, WooCommerce)
- Marketplace (Shopee, Lazada, Amazon, eBay)
- Social Commerce (Facebook Marketplace, TikTok Shop)
ควรใส่ รูปภาพ คำบรรยาย และรีวิวที่น่าสนใจ เพื่อให้ดึงดูดลูกค้า
-
รับออเดอร์และส่งคำสั่งซื้อไปยังซัพพลายเออร์
- เมื่อลูกค้าสั่งซื้อและชำระเงิน คุณส่งคำสั่งซื้อนั้นไปยังซัพพลายเออร์
- ซัพพลายเออร์จะเป็นผู้แพ็กและจัดส่งสินค้าโดยตรงถึงลูกค้า
-
ติดตามสถานะการจัดส่งและบริการหลังการขาย
- แจ้ง เลขพัสดุ ให้ลูกค้าเพื่อตรวจสอบการขนส่ง
- ให้บริการหลังการขาย เช่น การรับประกัน การคืนสินค้า หรือการตอบคำถามของลูกค้า
-
คนที่อยากเริ่มธุรกิจออนไลน์แต่มีทุนน้อย
– ไม่ต้องสต็อกสินค้าเอง ลดต้นทุนเรื่องโกดังและสินค้าค้างสต็อก
– ใช้เงินลงทุนแค่ค่าทำเว็บ/โฆษณา ไม่ต้องสั่งสินค้าก่อนขาย
– เหมาะกับ นักศึกษาหรือคนที่อยากหารายได้เสริม
-
คนที่ถนัดด้านการตลาดออนไลน์
– Drop Shipping เน้นการขายผ่านโฆษณาออนไลน์ (Facebook Ads, Google Ads, TikTok Ads)
– คนที่เข้าใจ SEO, การตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย และการสร้าง Content จะได้เปรียบ
– เหมาะกับสาย Affiliate Marketing หรือสายยิงแอด
-
คนที่อยากทดลองตลาดก่อนนำเข้าสินค้าจริง
– หากต้องการนำเข้าสินค้าจากจีนมาขายแต่ไม่มั่นใจเรื่องยอดขาย Drop Shipping ช่วย ทดลองตลาด ได้
– หากขายดี ค่อยนำเข้าสินค้าจริงเพื่อลดต้นทุน
– เหมาะกับ คนที่สนใจนำเข้าสินค้าจากจีน เช่น เสื้อไหมพรม หรือสินค้าแนวแฟชั่น
-
คนที่ต้องการรายได้แบบ Passive Income
– หากระบบอัตโนมัติทำงานดี (เว็บเชื่อมกับซัพพลายเออร์) ออเดอร์จะวิ่งเองโดยไม่ต้องแพ็กของเอง
– สามารถทำงานที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere)
– เหมาะกับ สาย Digital Nomad หรือคนที่อยากทำงานออนไลน์
-
คนที่มีไอเดียทำแบรนด์สินค้าของตัวเอง (แต่ยังไม่พร้อมผลิตเอง)
– สามารถเลือกสินค้า OEM หรือ ODM จากโรงงานจีน แล้วทำแบรนด์ของตัวเองได้
– ทดสอบตลาดก่อนเริ่มผลิตจริง ลดความเสี่ยง
– เหมาะกับ คนที่อยากสร้างแบรนด์แฟชั่น เครื่องสำอาง หรือของใช้ในบ้าน
ใครที่ไม่เหมาะกับ Drop Shipping?
– คนที่ต้องการกำไรสูงต่อชิ้น (เพราะต้นทุนรวมสูงกว่าซื้อส่งเอง)
– คนที่ไม่ชอบการตลาดออนไลน์ (เพราะต้องโปรโมทเอง)
– คนที่ต้องการควบคุมคุณภาพและการจัดส่งเอง (Drop Shipping ควบคุมได้น้อย)
ข้อดีของ Drop Shipping
- ลงทุนต่ำ ไม่ต้องสต็อกสินค้า
-ไม่ต้องซื้อสินค้าล่วงหน้า ช่วยลดความเสี่ยงเรื่องสต็อกค้าง
– ไม่ต้องมีโกดังเก็บสินค้า ประหยัดต้นทุนค่าเช่าและค่าจัดการ
- เริ่มต้นง่าย ทำงานจากที่ไหนก็ได้
– แค่มีคอมพิวเตอร์หรือมือถือ ก็สามารถจัดการร้านค้าได้ทุกที่
– สร้างร้านค้าออนไลน์ง่าย ๆ ผ่านแพลตฟอร์ม เช่น Shopee, Lazada, TikTok Shop หรือ Shopify
- สินค้าเปลี่ยนได้ตลอด ไม่ต้องยึดติดกับของเดิม
– ถ้าสินค้าหนึ่งขายไม่ดี สามารถเปลี่ยนไปขายสินค้าตัวใหม่ได้โดยไม่ต้องเคลียร์สต็อก
– สามารถเลือกขายสินค้าตามเทรนด์ได้ตลอด เช่น แกดเจ็ตใหม่ ๆ หรือแฟชั่นตามฤดูกาล
- ไม่ต้องจัดการแพ็กของและจัดส่งเอง
– ซัพพลายเออร์เป็นผู้ดูแลเรื่องการจัดส่งให้ทั้งหมด คุณแค่โฟกัสที่การขาย
- ขยายธุรกิจได้ง่าย
– ถ้าขายดี สามารถเพิ่มจำนวนสินค้าโดยไม่ต้องเพิ่มต้นทุนเรื่องสต็อก
ข้อเสียของ Drop Shipping
- กำไรต่อชิ้นอาจไม่สูง
– เนื่องจากต้องซื้อสินค้าผ่านซัพพลายเออร์ ราคาต้นทุนอาจสูงกว่าการซื้อจำนวนมากเอง
– บางตลาดอาจมีการแข่งขันสูง ทำให้ต้องตั้งราคาขายต่ำ
- ควบคุมคุณภาพสินค้าไม่ได้
– ถ้าซัพพลายเออร์ส่งสินค้าช้า หรือคุณภาพไม่ดี ลูกค้าจะไม่พอใจ
– คุณต้องหาซัพพลายเออร์ที่ไว้ใจได้ และอาจต้องมีแผนสำรอง
- ระยะเวลาจัดส่งอาจนาน
– หากซัพพลายเออร์อยู่ต่างประเทศ เช่น จีน อาจใช้เวลาส่ง 2-4 สัปดาห์
– ลูกค้าบางกลุ่มต้องการสินค้าด่วน ซึ่งอาจทำให้เสียโอกาสขาย
- อาจเจอปัญหาจากซัพพลายเออร์
– ซัพพลายเออร์อาจหยุดผลิตหรือขึ้นราคาสินค้าโดยไม่แจ้งล่วงหน้า
– หากมีออเดอร์เยอะ แต่ซัพพลายเออร์มีของไม่พอ อาจทำให้ลูกค้าไม่พอใจ
- การแข่งขันสูง ต้องมีการตลาดที่ดี
– หลายคนเริ่มทำ Drop Shipping ทำให้ต้องแข่งขันด้านราคาและโฆษณา
– จำเป็นต้องมีแผนการตลาด เช่น ยิงแอด Facebook/TikTok หรือทำ SEO
สรุป
เรียกได้ว่า Drop Shipping เป็นธุรกิจที่สามารถเริ่มต้นได้ง่ายและใช้เงินลงทุนต่ำ แต่ต้องเลือกซัพพลายเออร์ให้ดี และมีแผนการตลาดที่แข็งแกร่ง หากคุณสนใจทำธุรกิจนี้ ควรเริ่มจากการเลือกสินค้าที่มีความต้องการสูง และใช้แพลตฟอร์มขายที่เหมาะสมเพื่อสร้างรายได้อย่างยั่งยืน ในการทำธุรกิจแนะนำให้นำเข้าสินค้าจากจีนเพื่อเป็นการลดต้นทุนและต่อยอดกำไรให้กับธุรกิจของคุณอีกด้วย