ปัจจุบันการนำเข้าสินค้าจากจีนมีหลากหลายกระบวนการมากกว่าที่จะสามารถนำเข้ามาได้อย่างถูกต้องและถูกกฎหมาย ในขณะเดียวกันการเคลียร์สินค้านำเข้าจากจีนเป็นกระบวนการที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับของประเทศผู้รับนำเข้า โดยทั่วไปจะมีขั้นตอนสำคัญดังนี้:
การเคลียร์สินค้าในการนำเข้ามักมีปัญหาที่เกิดขึ้นในหลายขั้นตอน ซึ่งหากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม อาจทำให้เกิดความล่าช้าและเพิ่มค่าใช้จ่ายได้ ปัญหาที่พบได้บ่อยมีดังนี้:
-
ปัญหาด้านเอกสาร
-
เอกสารไม่ครบถ้วน
เช่น ขาดใบ Invoice, Packing List, หรือเอกสารที่จำเป็นอื่น ๆ
-
เอกสารไม่ถูกต้อง
เช่น ข้อมูลสินค้าไม่ตรงกันระหว่าง Invoice และ Packing List หรือข้อมูลในใบขนส่งไม่ครบ
-
การใช้ HS Code ผิด
ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการคำนวณอากรขาเข้า
-
ปัญหาด้านภาษีและอากร
-
คำนวณภาษีผิดพลาด
อาจเกิดจากการใช้ HS Code ที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เข้าใจโครงสร้างภาษี
-
ชำระค่าภาษีล่าช้า
อาจทำให้การเคลียร์สินค้าล่าช้า และสินค้าอาจถูกกักไว้
-
ปัญหาการตรวจสอบสินค้า
-
การตรวจสอบสินค้าของศุลกากร
หากศุลกากรพบว่าข้อมูลเอกสารและสินค้าไม่ตรงกัน อาจต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติม
-
สินค้าต้องห้ามหรือสินค้าควบคุม
หากไม่มีใบอนุญาตนำเข้าสำหรับสินค้าที่อยู่ในประเภทควบคุม
-
ปัญหาด้านโลจิสติกส์
-
ความล่าช้าในการขนส่ง
เช่น เรือมาถึงล่าช้าหรือการส่งสินค้าผิดปลายทาง
-
การจัดการพื้นที่คลังสินค้าท่าเรือ
สินค้าถูกกักในท่าเรือเนื่องจากไม่มีการจัดการที่รวดเร็ว
-
ปัญหาด้านตัวแทนชิปปิ้ง
-
ตัวแทนชิปปิ้งไม่มีประสบการณ์
อาจทำให้การดำเนินการเอกสารและเคลียร์สินค้าล่าช้า
-
การสื่อสารผิดพลาด
การขาดความเข้าใจหรือการแจ้งข้อมูลไม่ครบถ้วนระหว่างคุณกับตัวแทน
-
ปัญหาด้านสินค้า
-
สินค้าชำรุดหรือสูญหาย
อาจเกิดระหว่างการขนส่งหรือจากการจัดเก็บในคลังสินค้า
-
ปริมาณสินค้าไม่ตรงตามใบสั่งซื้อ
เช่น สินค้าไม่ครบหรือผิดประเภท
-
ค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด
- ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม เช่น ค่าเก็บสินค้าล่าช้าในคลัง (Storage Fee) หรือค่าปรับกรณีเอกสารผิด
- ค่าบริการที่เพิ่มขึ้นจากตัวแทนชิปปิ้ง
การนำเข้าสินค้าจากจีนจำเป็นต้องเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนเพื่อให้การดำเนินการผ่านศุลกากรเป็นไปอย่างราบรื่น เอกสารที่ควรจัดเตรียมมีดังนี้:
-
เอกสารที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและการซื้อขาย
- Commercial Invoice (ใบกำกับสินค้า)
รายละเอียดสินค้า ราคา เงื่อนไขการชำระเงิน และข้อมูลของผู้ขาย/ผู้ซื้อ
- Packing List (ใบรายการบรรจุ)
รายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนสินค้า น้ำหนัก และลักษณะการบรรจุ
- Purchase Order (PO)
เอกสารยืนยันการสั่งซื้อสินค้าระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
-
เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง
- Bill of Lading (B/L) (สำหรับการขนส่งทางเรือ)
หรือ Airway Bill (AWB) (สำหรับการขนส่งทางอากาศ)
ใช้ยืนยันการขนส่งสินค้าและรายละเอียดปลายทาง - Booking Confirmation
เอกสารยืนยันการจองพื้นที่สำหรับขนส่ง
-
เอกสารสำหรับพิธีการศุลกากร
- Import Declaration Form (ใบขนสินค้าขาเข้า)
ยื่นผ่านระบบ e-Customs เพื่อให้ศุลกากรตรวจสอบ - Certificate of Origin (C/O)
ใช้รับสิทธิพิเศษทางภาษี (ถ้ามี เช่น กรณี FTA) - ใบอนุญาตนำเข้า (ถ้าสินค้าอยู่ในประเภทควบคุม)
เช่น เครื่องสำอาง อาหาร หรือสินค้าที่ต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
-
เอกสารสำหรับการชำระภาษีและอากร
- Tax Invoice (ใบกำกับภาษี)
ใช้ในการคำนวณ VAT และภาษีอากร - HS Code (พิกัดศุลกากร)
สำหรับการคำนวณอัตราภาษีที่ถูกต้อง
สินค้าต้องกำกัด
ในขั้นตอนของพิธีการศุลกากร มีอะไรบ้าง?
ของต้องกำกัด (Restricted Goods) ในขั้นตอนพิธีการศุลกากรหมายถึงสินค้าที่การนำเข้าหรือส่งออกต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือปฏิบัติตามข้อกำหนดพิเศษที่กำหนดไว้ สินค้าเหล่านี้แบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับกฎระเบียบของแต่ละประเทศ สำหรับประเทศไทย ตัวอย่างสินค้าต้องกำกัดมีดังนี้:
-
สินค้าที่ต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานเฉพาะ
- ยาและเวชภัณฑ์
ต้องได้รับอนุญาตจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เช่น ยารักษาโรค วิตามิน และสมุนไพร - อาหารและเครื่องดื่ม
ต้องผ่านการรับรองจาก อย. และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ - เครื่องสำอาง
ต้องจดแจ้งและรับรองจาก อย. - สินค้าเกษตร
เช่น พืช ผัก ผลไม้ เมล็ดพันธุ์ และปุ๋ย ต้องได้รับอนุญาตจาก กรมวิชาการเกษตร
-
สินค้าที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและอุตสาหกรรม
- สินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางประเภท
เช่น อุปกรณ์สื่อสารและโทรคมนาคม ต้องได้รับอนุญาตจาก กสทช. (สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) - อุปกรณ์ความปลอดภัย
เช่น กล้องวงจรปิด ระบบ GPS ต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง - สินค้าอุตสาหกรรม
เช่น เหล็ก วัสดุก่อสร้าง และเครื่องจักร ต้องมีการรับรองจาก สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)
-
สินค้าที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและความปลอดภัย
- สารเคมีและวัตถุอันตราย
เช่น ยาฆ่าแมลง น้ำมันดิบ สารเคมีต้องได้รับอนุญาตจาก กรมโรงงานอุตสาหกรรม - วัตถุระเบิดและอาวุธ
เช่น ปืน กระสุน และวัตถุระเบิด ต้องได้รับอนุญาตจาก กรมการปกครอง - วัตถุมีคมบางประเภท
เช่น มีดสั้น ดาบ ต้องแจ้งต่อศุลกากร
-
สินค้าที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและสัตว์
- สัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์
เช่น สัตว์เลี้ยง เนื้อสัตว์ และหนังสัตว์ ต้องได้รับอนุญาตจาก กรมปศุสัตว์ - สัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์ประมง
เช่น ปลาสด ปลาแช่แข็ง ต้องได้รับอนุญาตจาก กรมประมง - ผลิตภัณฑ์ที่คุ้มครองตามอนุสัญญา CITES
เช่น งาช้าง หนังสัตว์ป่า
-
สินค้าเกี่ยวข้องกับศิลปวัฒนธรรม
- โบราณวัตถุและศิลปวัตถุ
ต้องได้รับอนุญาตจาก กรมศิลปากร - วัตถุทางศาสนา
เช่น พระพุทธรูป รูปปั้น ต้องได้รับการอนุมัติ
-
สินค้าประเภทควบคุมพิเศษ
- ผลิตภัณฑ์ที่มีลิขสิทธิ์
เช่น ของปลอม ของเลียนแบบ ต้องตรวจสอบว่าได้รับอนุญาตจากเจ้าของสิทธิหรือไม่ - สินค้าที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง
เช่น อุปกรณ์ที่ใช้ในการดักฟัง
บริการนำเข้าสินค้าจากจีนตั้งแต่เริ่มต้น
สรุป
ในเรื่องของการนำเข้าสินค้าจากจีนเรามีตัวช่วยเคลียร์สินค้าที่คุณสามารถไว้วางใจได้รวมไปถึงธุรกิจของคุณอีกด้วยเรามีประสบการณ์ในการนำเข้าและเคลียร์สินค้า โดยดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตามขั้นตอนของพิธีการศุลกากร ด้วยบริการที่ช่วยยกระดับการจัดส่งสินค้าที่ปลอดภัย มั่นใจในเรื่องเอกสาร เพื่อต่อยอดให้กับธุรกิจของคุณ
นำเข้าสินค้าจากจีนผ่าน Jawanda Cargo คุณมั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัยของสินค้า ติดตามสถานะในการจัดส่ง เราบริการครบจบทุกขั้นตอนเคลียร์สินค้าไม่มีค่าใช้จ่ายบวกเพิ่มจุกจิกและยังเพิ่มความสะดวกสบายใจในการนำเข้าอย่างแน่นอน