ระหว่างทาง

การ Repack หรือบรรจุสินค้าใหม่เป็นขั้นตอนสำคัญในการขนส่งและในการนำเข้าสินค้าจากจีนให้ปลอดภัยและลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทาง ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่แตกหักง่าย ของเหลว หรือสินค้าแช่แข็ง การเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม การกันกระแทก และการปิดผนึกที่ถูกต้องจะช่วยให้สินค้าถึงมือลูกค้าอย่างสมบูรณ์แบบ มาดูกันว่ามีวิธีการ Repack อย่างไรให้ปลอดภัยและเป็นไปตามมาตรฐานของบริษัทขนส่ง

เลือกบรรจุภัณฑ์ Repack ที่เหมาะสม

เลือกบรรจุภัณฑ์ Repack ที่เหมาะสม

การเลือกบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับประเภทสินค้าเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการเสียหายระหว่างขนส่ง โดยมีหลักการเลือกดังนี้:

1.1 ประเภทของกล่องและบรรจุภัณฑ์

  • กล่องลูกฟูก (Corrugated Box): เหมาะสำหรับสินค้าทั่วไป เช่น เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า และของใช้ในบ้าน
  • กล่องพลาสติก (Plastic Container): เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องการกันน้ำหรือมีความชื้นสูง
  • กล่องไม้ (Wooden Crate): ใช้สำหรับสินค้าที่มีน้ำหนักมาก เช่น เครื่องจักร หรืออุปกรณ์อุตสาหกรรม
  • บรรจุภัณฑ์สูญญากาศ (Vacuum Packaging): เหมาะสำหรับอาหารหรือสินค้าที่ต้องการยืดอายุการเก็บรักษา

1.2 การเลือกขนาดของกล่อง

  • กล่องต้องมีขนาดพอดีกับสินค้า ไม่ควรใหญ่เกินไปเพราะอาจทำให้สินค้าเคลื่อนที่ภายในกล่อง
  • ควรมีพื้นที่เพียงพอสำหรับวัสดุกันกระแทก

การกันกระแทกและป้องกันความเสียหาย

การกันกระแทก

วัสดุกันกระแทกช่วยลดแรงกระแทกที่อาจทำให้สินค้าชำรุด มีตัวเลือกต่าง ๆ ดังนี้:

  • Bubble Wrap: ใช้ห่อสินค้าที่แตกหักง่าย เช่น แก้ว เครื่องเซรามิก หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
  • โฟมกันกระแทก (Foam Padding): ใช้รองรับแรงกระแทกในกล่อง เหมาะสำหรับอุปกรณ์ที่ต้องการความปลอดภัยสูง
  • กระดาษลูกฟูก (Corrugated Paper): ใช้ซับแรงกระแทกและช่วยให้สินค้าอยู่กับที่
  • ถุงลมกันกระแทก (Air Cushion): ใช้แทน Bubble Wrap ได้ดีและลดปริมาณขยะพลาสติก
  • เม็ดโฟมกันกระแทก (Packing Peanuts): ช่วยเติมช่องว่างในกล่องเพื่อลดการเคลื่อนที่ของสินค้า

 ปิดผนึกและติดฉลากให้ถูกต้อง

ปิดผนึกและติดฉลากให้ถูกต้อง

1.การปิดผนึกกล่อง

  • ใช้ เทปกาว OPP หนา 2 นิ้วขึ้นไป ติดเป็นรูปตัว “H” เพื่อป้องกันการเปิดระหว่างขนส่ง
  • กรณีสินค้าเหลว ควรห่อพลาสติกกันน้ำ (Shrink Wrap) รอบบรรจุภัณฑ์

2 .การติดฉลากและสัญลักษณ์

  • ชื่อและที่อยู่ผู้รับ-ผู้ส่ง ต้องชัดเจนและอ่านง่าย
  • ติด ฉลากเตือน เช่น “Fragile” (แตกหักง่าย), “Handle with Care” (โปรดระวัง), “This Side Up” (ด้านนี้ขึ้น) เพื่อแจ้งให้พนักงานขนส่งจัดการสินค้าอย่างเหมาะสม
  • หากเป็นสินค้าอันตราย เช่น แบตเตอรี่ลิเธียม หรือสารเคมี ควรติด ป้าย DG (Dangerous Goods Label) ตามมาตรฐานสากล

ตรวจสอบมาตรฐานของบริษัทขนส่ง

ตรวจสอบมาตรฐานของบริษัทขนส่ง

แต่ละบริษัทขนส่งมีข้อกำหนดที่แตกต่างกัน ควรศึกษาก่อนการจัดส่ง เช่น:

  • DHL / FedEx / UPS / EMS: มีมาตรฐานการขนส่งแบตเตอรี่ สินค้าของเหลว และสินค้าอันตรายที่เข้มงวด
  • ขนส่งทางเรือหรืออากาศ: สินค้าบางประเภทอาจต้องใช้ พาเลทไม้ (Wooden Pallet) ที่ผ่านมาตรฐาน ISPM 15
  • ขนส่งสินค้าอันตราย (DG Cargo): ต้องใช้เอกสาร MSDS (Material Safety Data Sheet) ประกอบการจัดส่ง

 ทดสอบความแข็งแรงก่อนจัดส่ง

ก่อนส่งสินค้า ควรทำการทดสอบบรรจุภัณฑ์เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถรองรับแรงกระแทกได้ โดยมีวิธีดังนี้:

  • Shake Test: เขย่ากล่องเบา ๆ เพื่อตรวจสอบว่าสินค้าขยับหรือไม่
  • Drop Test: จำลองการตกจากระดับความสูง 1 เมตร เพื่อตรวจสอบความเสียหาย
  • Waterproof Test: หากเป็นสินค้าที่ต้องกันน้ำ ควรทดสอบการกันน้ำของบรรจุภัณฑ์

การใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ปัจจุบัน หลายบริษัทเลือกใช้ บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ (Biodegradable Packaging) หรือ รีไซเคิลได้ (Recyclable Packaging) เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น:

  • กระดาษลูกฟูกแทน Bubble Wrap
  • เทปกระดาษกาวแทนเทปพลาสติก
  • ถุงลมกันกระแทกที่ย่อยสลายได้

การตรวจสอบเอกสารก่อนจัดส่ง

การตรวจสอบเอกสารก่อนจัดส่ง

หากเป็นการส่งออกสินค้าระหว่างประเทศ ควรตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้อง ได้แก่:

  • ใบกำกับสินค้า (Invoice)
  • ใบแจ้งหนี้ศุลกากร (Customs Declaration Form)
  • ใบรับรองสินค้า (Certificate of Origin) หากเป็นสินค้าที่ต้องใช้เอกสารแหล่งกำเนิด
  • เอกสาร MSDS สำหรับสินค้าประเภทเคมีภัณฑ์หรือแบตเตอรี่

การใช้บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์

ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์

หากสินค้าของคุณมีมูลค่าสูงหรือเป็นสินค้าพิเศษ อาจพิจารณาใช้บริการ บริษัทโลจิสติกส์มืออาชีพ ที่มีประสบการณ์ในการ Repack และขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ เช่น Freight Forwarder หรือ Third-Party Logistics (3PL) เพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าจะถึงปลายทางอย่างปลอดภัย

ข้อดีและข้อเสียของการ Repack สินค้า

การ Repack สินค้า หรือการบรรจุสินค้าขึ้นใหม่เป็นกระบวนการที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนดำเนินการ โดยเฉพาะในธุรกิจนำเข้า-ส่งออก

ข้อดีของการ Repack สินค้า

  1. ลดความเสียหายของสินค้า
  2. ปรับให้เข้ากับมาตรฐานของบริษัทขนส่ง
  3. ปรับแต่งแพ็กเกจให้ดึงดูดลูกค้ามากขึ้น
  4. ลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์
  5. เพิ่มความปลอดภัยสำหรับสินค้าอันตราย
  6. ปรับให้เหมาะกับตลาดปลายทาง

ข้อเสียของการ Repack สินค้า

  1. เพิ่มต้นทุนในการดำเนินการ
  2. ใช้เวลาและแรงงานเพิ่มขึ้น
  3. อาจมีปัญหาด้านกฎหมายและมาตรฐาน
  4. อาจสูญเสียการรับประกันสินค้า

ขนส่งแบบปิดตู้จากจีน: เคล็ดลับในการเหมาตู้คอนเทนเนอร์เพื่อการขนส่งที่ปลอดภัยและประหยัด

ในปัจจุบันขนส่งแบบปิดตู้จากจีนหรือการเหมาตู้คอนเทนเนอร์ การขนส่งสินค้าผ่านทางทะเลเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับธุรกิจหลายประเภท

พิกัดแหล่งขายของชำร่วยที่จีน ซื้อที่ไหนให้ได้ราคาถูกและโดนใจคนรับ

การซื้อของชำร่วยจากจีนมีข้อดีหลายประการ ทั้งในเรื่องของความหลากหลายของสินค้าและราคาที่คุ้มค่า

FCL กับ LCL: ข้อแตกต่างที่คุณต้องเข้าใจเพื่อการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ

การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศมักจะมีตัวเลือกหลักสองประเภทที่นิยมใช้กันคือ FCL (Full Container Load) และ LCL (Less than Container Load)

สรุป

การ Repack สินค้า อย่างถูกต้องช่วยลดความเสียหายระหว่างการขนส่ง ป้องกันสินค้าชำรุด และช่วยให้การขนส่งเป็นไปตามมาตรฐานของบริษัทโลจิสติกส์ ควรเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม เสริมกันกระแทกให้เพียงพอ ปิดผนึกแน่นหนา ติดฉลากให้ถูกต้อง และตรวจสอบข้อกำหนดของบริษัทขนส่งก่อนส่งออก นอกจากนี้ การใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยังช่วยลดผลกระทบต่อธรรมชาติและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจนำเข้าสินค้าจากจีนอีกด้วย

ด้วยแนวทางเหล่านี้ คุณสามารถมั่นใจได้ว่าสินค้าจะถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด

บริษัทนำเข้าสินค้าจากจีน

บริการสั่งของจากจีน ด้วยทีมงานคุณภาพ คลอบคลุมทุกธุรกิจ ผู้นำด้านการสั่งของจากจีน พร้อมนำเข้าสินค้าจากจีน จากชิปปิ้งที่มีเครือข่ายทีมงาน มากที่สุดในโลก อันดับ 1

สอบถามบริการนี้